วันพฤหัสบดีที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

Innovations and Implementation D-HOUSE BOOK: ผังโครงสร้าง องค์กร บริหาร D-HOUSE BOOK หลักการลด...

Innovations and Implementation D-HOUSE BOOK: ผังโครงสร้าง องค์กร บริหาร D-HOUSE BOOK หลักการลด...: ทิศทางนโยบายและแผนงานที่สำคัญของ D-HOUSE BOOK                                   รวมทีมภาคพื้น D-HOUSE      ฝ่ายพัฒนาอสังหาฯและศึกษ...

จะรู้ได้อย่างไรว่า ตัวเรานั้น เหมาะกับการเป็นนักการตลาดหรือไม่ แบบ D-HOUSE BOOK


คุณคือนักการตลาดที่ดีหรือไม่ article
 
 
 

จะรู้ได้อย่างไรว่า ตัวเรานั้น เหมาะกับการเป็นนักการตลาดหรือไม่

ก่อนที่คุณจะตัดสินใจ เลือกเดินเส้นทางใด บนถนนสายอาชีพ เชื่อได้เลยว่า สำหรับคนบางคนนั้น ถือเป็นเรื่องที่ค่อนข้างมาก ๆ เพราะอาจตัดสินใจไม่ค่อยถูก ชอบไปหมดทุกงาน อันนี้ก็ชอบ อันนั้นก็ถนัด ความรู้สึกดังกล่าวเป็นเหตุการณ์ที่สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคน แต่ถ้าหากว่าเรารู้จักตัวเราเองมากพอ ว่าจริง ๆ แล้วจากความรู้สึกข้างในเรานั้นต้องอะไรกันแน่ ชอบแนวทางของการประกอบอาชีพด้านใดมากที่สุด เราก็สามารถที่จะพบกับความจริงในใจได้ไม่ยาก

อย่างที่ John L. Holland เจ้าแห่งทฤษฎีการเลือกอาชีพ กล่าวเอาไว้ถึงคนที่มีความเหมาะสมในอาชีพนักการตลาด ไว้ว่าเป็นพวกที่มีบุคลิกภาพแบบกล้าคิดกล้าทำ (Enterprising)
บุคคลในกลุ่มนี้มักมีบุคลิกภาพเป็นคนที่ชื่นชอบการทำกิจกรรมที่มักจะมีอิทธิพลอยู่เหนือผู้อื่น  ใช้ทักษะในการพูดจาเยอะ มองเห็นตนเองเป็นผู้นำเต็มตัว เชื่อมั่นในตัวเองสูง ชอบชักจูงผู้อื่นให้เกิดความคล้อยตาม หรือชอบดำเนินการให้บรรลุเป้าหมายตามที่ตัวเองต้องการ ชอบถกเถียงปัญหาทางการเมือง  ชอบอภิปราย พูดจา เป็นคนตรงไปตรงมา กล้าแสดงออก กล้าโต้แย้ง กล้าคิดกล้าทำ กล้าเสี่ยง ชอบการแข่งขัน ทะเยอทะยาน เป็นคนคล่องแคล่วทำอะไรเร็ว ชอบมีความคิดริเริ่มและชอบทำธุรกิจส่วนตัว เรียกว่า ชอบเป็นนายตัวเอง ชอบกิจกรรมชนิดเป็นกลุ่มและองค์กร ชอบขบวนการในการรณรงค์หรือหาเสียง ชอบการบรรยายเรื่องราวต่าง ๆ ไม่ชอบกิจกรรมที่ต้องเขียนด้วยสำนวนภาษาที่สวยงาม จัดได้ว่าเป็นคนที่มีระบบระเบียบในการดำเนินชีวิต ถือว่าเป็นคนที่มีความมุ่งมั่นในชีวิต
ความสามารถมากมาย สมัยเรียนอาจได้รับมอบหมายให้ทำกิจกรรมอยู่เรื่อย ๆ เป็นคนที่สามารถควบคุมดูแลการปฏิบัติงานของผู้อื่นได้ มีความกระตือรือร้น สามารถชักจูงให้บุคคลอื่นมาทำในสิ่งที่ตนเองต้องการได้ ขายสินค้าเก่ง ชอบจัดการ เป็นนักอภิปราย เป็นตัวแทนเจรจาตกลงให้กับกลุ่มหรือองค์กรได้ดี
ถ้าคุณคิดว่า ตัวคุณเองมีคุณสมบัติเข้าข่ายตามที่ ทฤษฎีการเลือกอาชีพ แล้วล่ะก็ บอกได้คำเดียวว่า หนทางของการเป็นนักการตลาดมือฉมัง อยู่อีกไม่ไกล


ทำตัวให้ได้เหมือน อูฐ ปลา หมา และควาย คุณก็จะมีความสุขกับการทำงาน แบบ D-HOUSE

dot dot


































































dot
Trips & Tricks
dot
bulletเรียนดำน้ำหลักสูตร PADI&NAUI
bulletรายชื่อสถาบันเกี่ยวกับการดำน้ำ
bulletสาเหตุเสียชีวิตของนักดำน้ำ
bulletสภาพอากาศในแต่ละเดือน
bulletสารพันปัญหาการซื้อฟิน(Fins)
bulletแนะนำฟิน(Fins) 8 รุ่นน่าใช้
bulletมาเรียนดำน้ำกันเถอะ
bulletผู้หญิงกับการดำน้ำ
dot
About Thailand
dot
bulletThailand
bulletDo's and Don't in Thailand
bulletข้อมูลที่น่าสนใจในชีวิตประจำวัน
bulletFull Moon Party
bulletAbout Koh Phangan
dot
เทคนิคเด็ด วิธีช่วยปิดการขายเร็วๆ
dot
bulletเทคนิคเด็ด วิธีช่วยปิดการขาย


www.samui-info.com
Sight Seeing Tour 1 day Trip

ทำตัวให้ได้เห

ทำตัวให้ได้เหมือน อูฐ ปลา หมา และควาย คุณก็จะมีความสุขกับการทำงาน

ชีวิตการทำงาน ก็คงเปรียบเหมือนคลื่นของทะเล มีราบเรียบ และมีคลื่นโหมกระหน่ำ แต่เราจะทำตัวอย่างไรให้รู้สึกดี มีความสุขในการทำงาน ไม่บั่นทอนจิตใจให้ทำงานอย่างไม่มีความสุข อย่างเช่น การทำงานสายอาชีพของการบริการ อย่างงาน customerimages Service ที่ต้องทำงานเกี่ยวกับการดูแลลูกค้า ไม่ว่าจะเป็นทางโทรศัพท์หรือเผชิญหน้ากัน ต้องบอกเลยว่าคนที่จะทำงานทางสายนี้ ต้องพบปะพูดคุย หรือชนกับลูกค้าแทนบริษัท มีบ้างต้องพบเจอกับคำกร่น บ่น ต่อว่า ซึ่งนี่ล่ะ คือสิ่งที่ทำให้การทำงานนั้นลดทอนความสุขลงไป
วันนี้เลยขอนำเสนอการดำเนินชีวิต โดยนำศิลปะการคลองตัวแบบสัตว์สี่ประเภท มาบอกกัน นั่นก็คือ “อดทนเหมือนอูฐ ไม่พูดเหมือนปลา ซื่อสัตย์เหมือนหมา โง่เหมือนควาย” หากนำลักษณะเด่นแต่ละอย่างของสัตว์ทั้ง 4 ประเภท มาใช้ในชีวิตการทำงานแล้ว จะทำให้ดีขึ้นได้อย่างไร?
         •จงเป็นอูฐ หมายถึง ในการทำงานบริการลูกค้านั้น บอกตามตรงเลยว่า คุณต้องอาศัยความอดทน อดกลั้น ทนฟังลูกค้าต่อว่า บ่น หรือถึงขั้นด่าว่าก็มีมาก ฉะนั้น คุณอาจต้องนับ 1-10,000 ในใจ เพื่อเก็บอารมณ์ ห้ามโต้ตอบ หรืออย่าไหลไปกับอารมณ์ของลูกค้า เรียกว่า เค้าว่าอะไรมายิ้มรับ และทำได้เพียงรับฟังแต่โดยดีเท่านั้น
        •จงเป็นปลา หมายถึง บางครั้งการนิ่งเงียบ ไม่เอ่ยปากพูดอะไร ก็จะเป็นการดี เช่น ถ้าเราเจอกับลูกค้าที่ไม่มีเหตุผล และไม่เปิดใจรับฟังข้อมูลชี้แจงใด ๆ การปล่อยให้เค้าได้ระบายอารมณ์ พูดในสิ่งที่อัดอั้นตันใจของเค้านั้น ก็ดีไปอีกแบบหนึ่ง คนบางคน เวลาที่ไม่พอใจหรือมีอะไรไม่ได้ดั่งใจขึ้นมา ก็เพียงต้องการให้ได้ระบาย ฉะนั้น ถ้าเราทำตัวเป็นผู้ฟังที่ดี ก็ไม่เห็นเสียหาย ดีกว่าจะไปต่อปากต่อคำให้เรื่องยิ่งบานปลาย สำนวนไทยที่ว่า พูดไปสองไพเบี้ย ยังใช้ได้สำหรับอาชีพนี้
        •จงเป็นหมา หมายถึง เราต้องทำงานอย่างซื่อสัตย์สุจริตต่อลูกค้าและต่อบริษัท เพราะถ้าคุณรักจะทำงานตรงสายของการบริการลูกค้าแล้ว คุณก็ต้องไม่ลืมว่า คุณจะต้องพร้อมเสมอ ที่จะต้อง Service สิ่งดี ๆ ให้กับลูกค้า อย่าลืมว่า ถ้าไม่มีรายได้จากลูกค้าเข้ามายังบริษัท คุณก็ไม่มีเงินเดือนใช้เช่นกัน ลูกค้าก็นายจ้างของคุณ ถ้าคิดดังนี้ การนำเสนอสิ่งดี ๆ ให้กับนายย่อมถูกต้องเสมอ ต้องแสดงถึงความจริงใจในการบริการและความซื่อสัตย์ในการทำงานให้ลูกค้าเห็นว่าเรามี Service Mind เพียงใด
        •จงเป็นควาย หมายถึง อย่าเพิ่งงงว่า เอ๊....ควายทำไมมาเกี่ยวกะเรื่องของการทำงาน คนเรามักจะมองว่า ควายนั้นเป็นสัตว์ที่โง่ แต่บางครั้งการทำงาน เราเองก็ต้องทำเป็นโง่บ้างเพื่อให้ลูกค้าของเราดูฉลาดมากขึ้น  ถ้าคุณเจอลูกค้าที่ชอบแสดงออก อวดรู้ว่าเค้านั้น รู้โน่น รู้นี่ ขี้โม้ ชอบโอ้อวด ให้จำไว้เถิดว่า คนพวกนี้ เค้ามักจะชอบแสดงภูมิปัญญาของตนเองให้คนอื่นได้รู้ จะเป็นไรไปเล่า ถ้าสิ่งที่เค้าพูดออกมานั้น คุณก็รู้ไม่ได้น้อยหรือมากกว่าเค้าด้วยซ้ำ แต่การแกล้งโง่ บางครั้งก็สามารถทำให้คนอื่นรู้สึกดีได้นี่ และถ้าคน ๆ นั้น คือลูกค้า การแกล้งโง่ของคุณก็สามารถทำให้คนบางคนรู้สึกภาคภูมิใจในตัวเองได้มาก จนกระทั่งส่งผลดีกับการทำงานบริการของคุณก็เป็นได้



Job info




Copyright © 2010 All Rights Reserved.

ยิ้ม ทักทาย” กลยุทธ์เด็ดพิชิตใจลูกค้า แบบ D-HOUSE

“ยิ้ม ทักทาย” กลยุทธ์เด็ดพิชิตใจลูกค้า article





“ยิ้ม ทักทาย” กลยุทธ์เด็ดพิชิตใจลูกค้า

การทักทาย ทำให้เกิดปฏิสัมพันธ์ซึ่งกันและกันในทางบวก ( Positive Relations) การทักทายจัดได้ว่าเป็นพรแสวงที่ทุกคนสามารถสร้างให้เกิดขึ้นมาได้ บุคคลที่รู้จักวิธีการทักทายผู้อื่นอย่างเหมาะสมด้วยกาลเทศะ เทคนิค และระดับของผู้ที่ถูกทักทายแล้วล่ะก็ บุคคลผู้นั้นย่อมมีเสน่ห์ชวนคบหาสมาคมด้วย การทักทายจึงเป็นเสมือนต้นน้ำของการสร้างสรรเสน่ห์ให้กับตนเองที่มีต่อบุคคลต่าง ๆ ที่เป็นลูกค้าของตน ทั้งนี้รูปแบบและเทคนิคของการสร้างสัมพันธภาพที่ดีด้วยการทักทายมีได้หลากหลายวิธีการ ซึ่งดิฉันขอเสนอลักษณะของการทักทายที่สร้างความประทับใจให้เกิดขึ้นด้วยวิธีการง่าย ๆ ดังต่อไปนี้
ทักทายด้วยการคำพูด “ สวัสดี” คุณสามารถกล่าวคำ “ สวัสดีค่ะ ” หรือ “ สวัสดีครับ ” ได้กับทุก ๆ คน คำพูดง่าย ๆ ที่สามารถนำมาใช้ได้กับทุกกลุ่ม ไม่ว่าจะเป็นลูกค้าที่ไม่รู้จักมาก่อน หรือเป็นลูกค้าที่สนิทสนมด้วยแล้วก็ตาม เพราะการทักทายด้วยคำพูดเวลาเจอหน้ากันนั้นย่อมดีกว่าที่เราไม่ได้พูดคุยอะไรกันเลย เพียงแค่คำพูดไม่กี่คำที่ออกจากปากของคุณ จะเป็นเหมือนเชือกร้อยใจให้เกิดการสานต่อ ซึ่งอาจจะเป็นทางด้านธุรกิจต่อไปในอนาคต
ทักทายด้วยการ “ไหว้” การฝึกฝนตนเองให้มือไม้อ่อนไว้ก่อนจะดีกว่าค่ะ ยิ่งถ้าคุณจะต้องไปพบเจอกับลูกค้าที่อาวุโสกว่า หรือมีคุณวุฒิมากกว่า หรือเป็นลูกค้าใหม่ที่คุณจะต้องไปทำความรู้จักพวกเขา คุณควรแสดงการทักทายด้วยการไหว้ แบบสองมือพนม การไหว้เป็นกิริยามารยาทที่สุภาพที่เป็นสัญลักษณ์ของคนไทย การไหว้ที่ดีมิใช่สักแต่ว่าจะไหว้ การไหว้ที่ดีนั้นคุณเองควรจะยกมือทั้งสองข้างขึ้นพนม แล้วค่อย ๆ ก้มศีรษะเพื่อเป็นการแสดงความเคารพนอบน้อมบุคคลที่คุณไหว้ด้วย ซึ่งคุณเองจะยิ่งมีเสน่ห์มาก หากคุณไหว้ด้วยพร้อมกับเอ่ยคำทักทายด้วยคำว่า “ สวัสดี ”
ทักทายด้วย “ รอยยิ้ม” ยิ้มเท่านั้นที่สามารถชนะใจลูกค้าได้ คนที่มีรอยยิ้มหรือเป็นคนที่ยิ้มแย้มแจ่มใสอยู่เสมอ บ่งบอกได้ว่าเป็นคนที่อารมณ์ดี มองโลกในแง่ดี เป็นบุคคลที่น่าคบหาสมาคมด้วย การผูกมิตรที่ง่ายและสามารถทำได้อีกวิธีการหนึ่งก็คือ การสร้างรอยยิ้มให้เกิดขึ้น ควรจะเป็นการยิ้มแบบออกจากใจจริง
ทักทายด้วยการ “ ผงกศีรษะ” การแสดงความต้องการที่จะทักทายผู้อื่น ไม่จำเป็นว่าจะต้องใช้คำพูดเพียงอย่างเดียว คุณสามารถแสดงกิริยาท่าทางด้วยการผงกศีรษะกับลูกค้าของคุณซึ่งอาจจะเป็นลูกค้าที่ไม่สนิทสนมด้วย รู้จักกันแบบผิวเผิน หรือเคยเห็นหน้า เห็นตากันมาบ้าง นอกจากนี้คุณสามารถนำมาใช้ในสถานการณ์ที่กำลังรีบเร่ง แต่บังเอิญพบเจอกับลูกค้า ซึ่งตัวคุณเองยังไม่มีเวลาแม้แต่จะกล่าวคำว่าสวัสดี คุณสามารถเลือกใช้การทักทายกับลูกค้าด้วยวิธีการนี้ได้ โดยส่วนใหญ่การทักทายด้วยวิธีนี้จะกระทำควบคู่ไปพร้อมกับการสร้างรอยยิ้ม
ทักทายด้วยการ “ ถามถึงเรื่องทั่วๆ ไป” หากคุณรู้จักลูกค้าของตนเองดี รู้ว่าเขาชอบ ไม่ชอบอะไร คุณสามารถนำเรื่องดังกล่าวมาเป็นประเด็นที่จะทักทายเพื่อเริ่มต้นการพูดคุยกับลูกค้าของคุณต่อไปได้ หรือคุณนำเอาเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นล่าสุดมาชี้นำหรือตั้งเป็นประเด็นคำถามเพื่อทักทายลูกค้าที่รู้จักก็ย่อมได้
ทักทายด้วยการ “ ให้ของฝาก” คุณไม่จำเป็นต้องทักทายลูกค้าแบบเผชิญหน้าก็ได้ค่ะ ซึ่งคุณเองสามารถซื้อของฝากเล็ก ๆ น้อย ๆ ฝากใครก็ได้ส่งให้กับลูกค้าของคุณเอง เป็นการผูกใจลูกค้าค่ะ พวกเขาเหล่านั้นไม่ได้ใส่ใจหรือสนใจกับมูลค่าของของฝากที่คุณมอบให้มากนัก แต่สิ่งที่พวกเขาสนใจก็คือ ความเอาใจใส่ที่คุณได้มอบให้มากกว่า เป็นการซื้อใจลูกค้า เพราะอย่างน้อย ๆ ผู้รับจะรู้สึกดีและประทับใจกับของฝากที่คุณมอบให้ ทั้งนี้การซื้อของฝากควรจะพิจารณาให้เหมาะสมกับวาระ โอกาส เหตุการณ์ และสถานการณ์ที่เกิดขึ้นแก่ลูกค้าด้วย
ในทางกลับกัน หากคุณเป็นฝ่ายที่ถูกทักทายด้วยแล้ว คุณเองควรจะสนองตอบการทักทายนั้นด้วยเช่นกัน จงอย่าปล่อยให้ผู้ทักทายรู้สึกเสียหน้า หรืออับอาย เนื่องจากคุณไม่ยิ้มให้ หรือไม่พูดด้วยเลย เพราะเมื่อเกิดความรู้สึกเช่นที่ว่านี้แล้ว แน่นอนว่าต่อไปบุคคลนั้นอาจจะไม่เข้ามาทักทายคุณอีกต่อไปก็เป็นได้ และเหตุการณ์เช่นที่ว่านี้จะส่งผลต่อสัมพันธภาพที่เกิดขึ้นในทางลบ จงอย่ารอให้ลูกค้าเข้ามาทักทายคุณก่อน การสร้างความประทับใจให้กับลูกค้า ตัวเราควรจะเป็นฝากรุก รุกเข้าหาลูกค้าเพื่อสานต่อความผูกพัน อันนำมาซึ่งเสน่ห์ที่สามารถสร้างขึ้นมาได้จากการทักทายในรูปแบบที่แตกต่างกันออกไป



Job info

เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานด้วย 5 article
งานไหนควรทำก่อน หรือหลัง รู้ได้จากการจัดลำดับความสำคัญ article
เคล็ดลับคนทำงานบริการ รับมือลูกค้าอย่างไรให้อยู่หมัด article
5 มิติแห่งการเป็นเจ้าธุรกิจบริการ article
ทำตัวให้ได้เหมือน อูฐ ปลา หมา และควาย คุณก็จะมีความสุขกับการทำงาน article
วิธีสร้างความสุขให้ลูกค้า สำหรับคนบริการ article
การสร้างมนุษย์สัมพันธ์กับงานมัคคุเทศก์ article
มองการตลาด ผ่านสายตา สุดยอดเซียน article
คิดให้ไว ทำให้เร็วแบบนักมาร์เก็ตติ้ง article
ทำอย่างไร ให้ตรายี่ห้อ ของคุณโดนใจตลาด article
คุณคือนักการตลาดที่ดีหรือไม่ article
เทคนิคเด็ด วิธีช่วยปิดการขายเร็วๆ article
10 ข้อ ที่บอกว่าคุณสามารถเป็นนักขายได้ article
วางแผนการขาย article
10วิธี พัฒนาทีมขายของคุณ article